โรงงานแบบเรา เลือกใช้ระบบบำบัดอากาศเสีย แบบไหนดี?

ลูกค้าหลายท่านเกิดคำถามนี้เป็นอันดับต้นๆ ก่อนจะตัดสินใจเลือกใช้ระบบบำบัดอากาศเสีย ดังนั้นเราลองมาประเมินด้วยกันก่อนว่าโรงงานของเราเป็นประเภทไหนและมีการใช้สารเคมีอะไรบ้าง แต่จะรู้ได้ว่าโรงงานของคุณนั้นจะใช้ระบบบำบัดอากาศเสียแบบไหน 3 สิ่งแรกที่ต้องระบุให้ชัดเจนได้ก่อน คือ “เราผลิตอะไรและกระบวนการผลิตของเราก่อให้เกิดอากาศเสียประเภทไหนและชนิดไหน รวมถึงมีการใช้อุณหภูมิในการผลิตหรือไม่”

โดยทั่วไปทีมงาน AQI จะเลือกใช้ระบบบำบัดอากาศเสียให้เหมาะกับสารเคมีหรืออากาศเสียที่เกิดขึ้น จากกระบวนการผลิตสินค้าต่างๆ ในโรงงานลูกค้า ดังนั้นเราจึงต้องมาพิจารณาร่วมกันและจำแนกว่าโรงงานของเรานั้นมีกระบวนการการผลิตที่ทำให้เกิดมลพิษแบบไหนบ้าง

มลพิษทางอากาศ (อากาศเสีย) จำแนกออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่ ดังนี้

1. มลพิษทางอากาศ ประเภทฝุ่น หรือ Particulate

หากโรงงานของเรามีกระบวนการในโรงงานที่ทำให้เกิดฝุ่น หรือ Particulate เป็นจำนวนมาก ระบบบำบัดอากาศเสียที่เหมาะสม จะเป็นพวก Dust Collector Cyclone, Bag Filter ซึ่งกระบวนการนี้จะเหมาะกับกลุ่มฝุ่นที่ไม่ละลายน้ำ แต่หากฝุ่นเหล่านั้นเป็นฝุ่นขนาดเล็กและละลายน้ำได้บ้าง เราอาจเลือกใช้เป็น Venturi Scrubber รวมถึงกรณีที่ฝุ่นเหล่านั้นเกิดการสะสมในปริมาณมากๆ แล้วสามารถติดไฟได้ Venturi Scrubber จะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมอย่างยิ่ง

โรงงานที่ก่อให้เกิดมลพิษประเภทนี้ ได้แก่ โรงงานอาหารสัตว์, โรงงานแผ่นยิปซัม, โรงงานอุปกรณ์ก่อสร้าง, โรงงานปูน โรงงานถลุงแร่, โรงงานพลาสติก เป็นต้น

หากโรงงานของเรามีกระบวนการการผลิตในโรงงานที่ทำให้เกิดฝุ่นหรือ Particulate เป็นจำนวนมาก ระบบบำบัดอากาศเสียที่เหมาะสมในการเลือกใช้จะเป็นจำพวก Dust Collector, Cyclone, Bag Filter ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้จะเหมาะกับการกำจัดฝุ่นที่ไม่ละลายน้ำ เช่น ฝุ่นยิปซัม, ไม้, ใยหินต่างๆ แต่หากฝุ่นที่ปนเปื้อนมากับอากาศเสียเป็นฝุ่นขนาดเล็กและลายน้ำได้บ้าง เราอาจเลือกใช้ระบบ Venturi Scrubber ซึ่งหากฝุ่นเหล่านั้นเกิดการสะสมในปริมาณมากๆ แล้ว สามารถติดไฟหรือเกิดการระเบิดได้ Venturi Scrubber ก็ยิ่งเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมอย่างยิ่ง

2. มลพิษทางอากาศ ประเภทไอระเหย (VOC)

หากโรงงานของเรามีกระบวนการผลิตที่ทำให้เกิดสาร TVOC (Total Volatile Organic Compounds) เช่น กระบวนการโรงงานผลิตสี, สารระเหย, เตาอบ, โรงงานพ่นสี, โรงงานชุบโลหะ, โรงงานปิโตรเคมี, โรงงานผลิตฟิล์ม, โรงงานกำจัดและคัดแยกขยะ ถ้าโรงงานของเราเข้าข่ายการผลิตเหล่านี้ ค่อนข้างมั่นใจได้ว่ามลพิษที่เกิดขึ้นจะเป็นจำพวก TVOC

ซึ่งระบบบำบัดอากาศเสียที่เหมาะสมที่สุด และเกิดประสิทธิภาพสูงมากในการบำบัดสารระเหย (TVOC) คือ Adsorption Tower หรือ Activated Carbon ซึ่งใช้หลักการดูดซับกลิ่นโดยผงคาร์บอน (ถ่านกัมมันต์) (Activated Carbon) เมื่อดูดซับกลิ่นจน Activated Carbon อิ่มตัวแล้วจึงจะทำการเปลี่ยนหรือ Regenerate ต่อไป อย่างไรก็ตามยังมีระบบบำบัดอากาศเสียอีกระบบที่เหมาะสมคือ Bio Scrubber ซึ่งเป็นการใช้เชื้อจุลินทรีย์ (Micro Organism) ในการย่อยสลายเป็นอาหาร ทำให้ปริมาณ TVOC ที่ปนเปื้อนมากับอากาศเสียมีปริมาณน้อยลง ซึ่งประโยชน์ของระบบ Bio Scrubber คือไม่มีการใช้เคมีใดใดในการบำบัดอากาศเสียเลย

3. มลพิษทางอากาศ ประเภทไอสารเคมี, Fume, Mist

ไอของสารเคมีมีหลากหลายชนิด แต่สามารถจำแนกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ ไอของสารเคมีที่สามารถละลายน้ำได้ดีและไอสารเคมีที่ละลายน้ำได้ไม่ดีไปจนถึงไม่ละลายเลย ซึ่งโรงงานของเราอาจมีกระบวนการผลิตที่ก่อให้เกิดทั้งมลพิษทางอากาศที่ละลายน้ำและไม่ละลายน้ำ จึงทำให้ทีมงานที่เชี่ยวชาญต้องมีการพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ความเข้มข้นของสารเคมี, อุณหภูมิ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม หากโรงงานของเรามีอากาศเสียเป็นประเภทสารเคมีทั่วไปที่ละลายน้ำ อาทิเช่น ไอกรดด่าง, ไอสารเคมีประเภทอื่น ฯลฯ ระบบบำบัดอากาศเสียที่เหมาะสมและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยเสียค่าใช้จ่ายในการ Operate น้อย ก็คือ Wet Scrubber ซึ่งใช้หลักการแลกเปลี่ยนมวลสารระหว่าง Liquid Phase และ Gas Phase โดยมีของเหลวเป็นตัวแลกเปลี่ยนมวล แต่หากไอของสารเคมีนั้นมีความเข้มข้นสูงและมีความซับซ้อนในการบำบัด อาจจำเป็นต้องมีการนำสารเคมีอื่นมาใช้ร่วมด้วย เพื่อให้ประสิทธิภาพในการบำบัดอากาศเสียของ Wet Scrubber นั้นสูงขึ้น ซึ่งการนำสารเคมีอื่นมาช่วยในการบำบัด จะเรียกว่า Absorption Tower

โดยโรงงานที่ควรมีระบบบำบัดอากาศเสียประเภทนี้ ได้แก่ โรงงานผลิตสารเคมี, โรงงานชุบต่างๆ เช่น ชุบโครเมียม, ชุบสังกะสี, โรงงานถุงมือยาง, โรงงานอาหารที่ผลิตใช้เคมีเป็นส่วนผสม เป็นต้น

4. มลพิษทางอากาศ ประเภทกลิ่นและแก๊ส

กลิ่นถือเป็นแก๊สชนิดหนึ่ง ซึ่งมีความเร็วลมสูงและมีความยากในการบำบัด เป็นมลพิษทางอากาศที่ค่อนข้างควบคุมให้อยู่ในจุดที่ต้องการบำบัดยาก

โดยกลิ่นนั้นยังสามารถจำแนกเป็นกลุ่มกลิ่น Organic เช่น กลิ่นจากกระบวนการผลิตอาหารสัตว์, กลุ่ม Bio Gas, กลิ่นน้ำเสียชุมชน, กลิ่นขยะ เป็นต้น ส่วนกลิ่น In-Organic เช่น กลิ่น VOC กลิ่นน้ำมัน, ทินเนอร์, ฟอมาดีไฮด์, มีนอล เป็นต้น

ระบบที่เหมาะจะใช้ในการบำบัดมลพิษทางอากาศประเภทกลิ่นและแก๊ส อาจไม่ได้มีเฉพาะเจาะจงตายตัว เนื่องจากมลพิษอาจมีทั้ง 2 กลุ่มนี้เข้ามาพร้อมกัน การใช้ระบบบำบัดแบบผสมผสาน จึงเป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่ง เช่น อาจต้องใช้ทั้ง Wet Scrubber, Activated Carbon และ/หรือ Bio Scrubber ประกอบกัน ซึ่งถือว่าเป็นระบบบูรณาการพอที่จะกำจัดกลิ่นได้ทุกชนิดนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม เนื้อหาที่ได้กล่าวมาข้างต้นนี้ เป็นเพียงความรู้ขั้นต้นที่ทางทีม AQI นำเสนอให้ลูกค้าทุกท่านได้ทำความเข้าใจเพื่อประกอบการพิจารณาในการเลือกใช้ระบบบำบัดอากาศเสียเบื้องต้นเท่านั้น ถือเป็นข้อมูลอ้างอิงขั้นต้นเพื่อศึกษาหาข้อมูลและทำความเข้าใจในหลักการณ์และองค์ประกอบขั้นต้นของระบบการเลือกใช้ระบบบำบัดอากาศเสียที่เหมาะสมกับโรงงานของลูกค้า

แต่การพัฒนาระบบบำบัดอากาศเสียเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องใช้มืออาชีพที่เชี่ยวชาญในการออกแบบและเข้าใจกระบวนการผลิต เข้าใจธรรมชาติ เข้าใจการทำงาน เข้าใจคุณสมบัติของมลพิษที่เกิดขึ้น ซึ่งทีมงาน AQI เป็นหนึ่งในทีมงานที่มากประสบการณ์ด้านนี้กว่าหลายสิบปี ก่อนเริ่มทำระบบทางทีม AQI จะมี Questionnaires สำหรับลูกค้าทุกท่าน เพื่อใช้เป็นจุดตั้งต้นในการรวบรวมข้อมูล Process การผลิต โดยให้ลูกค้ากรอกข้อมูล อันนำไปเป็นพื้นฐานที่ทีมงาน AQI จะนำไปให้ใช้ในการออกแบบระบบบำบัดอากาศเสียที่เหมาะสมต่อไป

ตารางข้อมูลพื้นฐานจาก AQI

เพื่อให้ลูกค้าได้ประเมินเบื้องต้นว่าโรงงานของลูกค้า น่าจะมีอากาศประเภทไหนเกิดขึ้นบ้าง และแต่ละกระบวนการผลิต ควรเลือกใช้ระบบบำบัดอากาศเสียของ AQI : Air Quality Integration ประเภทใด

สนใจทำระบบบำบัดอากาศเสีย

• ติดต่อ AQI ได้ทันที ที่ 094-623-9365 , Line ID : @aqi.co.th
• บริการออกแบบและจัดทำระบบบำบัดอากาศเสียจาก AQI คลิก
• สินค้าและผลิตภัณฑ์จาก AQI คลิก